วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

นิทานเรือนร้าง

               


                มีชายคนหนึ่ง   ทำงานอยู่โรงฆ่าสัตว์หลายปีแล้วก็ลาออกมาทำงานอื่น  วันหนึ่ง  อยู่ดีๆ ก็เอาปืนมายิงตัวเองแต่ไม่ตาย  มีคนช่วยไว้ทันพาไปหาหมอ  หลังจากที่รักษาจนหาย   เขาเล่าว่า…. ทุกคืนก่อนนอนจะได้ยินเสียงสัตว์ต่างๆ ที่เคยฆ่ามาร้องเรียกอย่างน่ากลัว จนทนไม่ไหวเลยอยากฆ่าตัวตาย
ครูนิโกรไม่อยากเชื่อว่าเรื่องราวข้างต้นเป็นเรียงความของนักเรียน  ชั้น ป.3     ที่ชื่อเด็กชายนฤพนธ์   เพราะเป็นการบ้านจึงคิดว่าอาจจะมีผู้ใหญ่บอกให้เขียน   กระทั่งนฤพนธ์พิสูจน์ให้ครูเชื่อได้ เมื่อเขียนเรียงความอีกเรื่องในห้องเรียน 
                  หน้าร้านตัดผมอรัญบาร์เบอร์  เมียหลวงทะเลาะกับเมียน้อยแล้วเข้าไปหยิบกรรไกรออกมาแทงเมียน้อยตายเลือดไหลมากพวกช่างตัดผมเข้าไปห้ามไม่ทัน   เมียหลวงถูกตำรวจจับติดคุก  ผัวรู้ข่าวร้องไห้เลย
                   ขณะที่เด็กชั้นเดียวกันบางคนยังอ่านและเขียนหนังสือไม่ค่อยจะถูก  แต่นฤพนธ์ไปถึงขั้นนี้  ด้วยความชอบอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ในร้านตัดผม  บางทีก็อ่านที่ร้านมานิต  หรือกระทั่งอ่านจากถุงใส่กล้วยแขก  ทำให้นฤพนธ์มองวิชาเรียงความเหมือนวิธีการเขียนข่าว  ถ้าหากเขาเข้าใจคำว่า  ชันสูตร  สันนิษฐานแหล่งข่าว  เชื่อว่าคงจะเขียนลงไปในเรียงความแล้ว
                   พ่อกับแม่นฤพนธ์เป็นคนมาจากจังหวัดอื่น  ทำงานอยู่ในโรงก๋วยเตี๋ยวซึ่งอยู่ข้างๆกับโรงฆ่าสัตว์ตั้งแต่ยังเล็กๆ  ไม่เข้าโรงเรียนด้วยซ้ำ  ทำให้เขาคุ้นเคยกับการวิ่งเล่นในโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยวและการได้ดูวิธีเชือดวัว  เชือดหมูที่โรงฆ่าสัตว์  จนชินตากับภาพการล้มตายพร้อมเลือดแดงๆ ที่ไหลนอง
                   เนื่องจากฐานะที่ไม่ค่อยดีของทางบ้านทำให้มานพ  พี่ชายของนฤพนธ์  ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.5 กับน้องชายต้องทำงานพิเศษหลังโรงเรียนเลิกด้วยรถเข็นพร้อมถังสังกะสีขนาดใหญ่
4 – 5 ถัง ไปตามร้านอาหารหรือรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวย่านตลาด เพื่อนำเศษอาหารที่ร้านเหล่านี้ทิ้งใส่ถังไว้ เอามาเทลงในถังสังกะสีที่อยู่บนรถเข็น สำหรับไว้เลี้ยงหมูที่มีอยู่หลายตัวในคอกของโรงฆ่าสัตว์ สองพี่น้องจะได้ค่าจ้างเป็นรายวัน มากน้อยตามแต่จำนวนที่ทำได้ บ่อยครั้งที่นฤพนธ์จะเถลไถลแอบเข้าไปอ่านหนังสือพิมพ์ในร้านตัดผม ปล่อยให้พี่ชายเทข้าวหมูอยู่เพียงลำพัง
ช่วงหน้าแล้งทุกปีจะเกิดภาวะน้ำประปาไม่ไหล  ทำให้ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้  การประปาอรัญ  จึงต้องเปิดแท็งก์น้ำ  เพื่อให้ประชาชนได้รองน้ำเอาไปใช้กันฟรีๆ  แต่การขนน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นคนที่บ้านไกลจากการประปาและไม่มีอุปกรณ์ที่จะใช้ในการขนจะลำบาก ดังนั้นจึงมีคนนำลังสังกะสีทรงสูงขนาดใหญ่ที่เรียกกันว่า “ปี๊บ” 10 ใบ  ซึ่งวางบนรถเข็นไม้พอดีมารองน้ำไปขายตามบ้านที่มีปัญหา  ในราคาปี๊บละ 2 บาท
             การใช้ชีวิตของนฤพนธ์  ไม่ต่างจากสุมิตร  เขาต้องหาเงินเพิ่มเติมเพื่อใช้จ่ายในโรงเรียน  เมื่อเริ่มโตพอที่จะเข็นรถเข็นและยกปี๊บใส่น้ำไหว  นฤพนธ์จึงไปรองน้ำมาขาย  ช่วงปิดเทอมใหญ่อากาศร้อนมาก  ความต้องการน้ำประปามีสูง  นฤพนธ์เข็นน้ำส่งตามบ้านวันละหลายเที่ยว  ครั้งหนึ่งร้านทำฟันบ้านไอ้แว่นสั่งให้คนมาส่งน้ำพอดีตรงกับคิวของนฤพนธ์  ช่วงนั้นไอ้แว่นไปเที่ยวกรุงเทพ  นฤพนธ์ยกปี๊บใส่น้ำเอาไปเทใส่ในตุ่มจนครบ  ถึงเวลารับเงินปรากฏว่า
            “ผมเป็นเพื่อนกับวีระชัยครับ  วีระชัยเคยให้ผมยืมเงิน  แต่ผมยังไม่ได้ใช้คืน  เลยถือว่าค่าน้ำนี้ใช้หนี้แล้วกัน”  ความจริงเงินที่วีระชัยให้ยืมน้อยกว่าค่าน้ำของนฤพนธ์  ซึ่งแม่ของไอ้แว่นพอจะรู้จึงคะยั้นคะยอให้เงินแต่เขาก็ไม่รับ
            “ครูคะ  นฤพนธ์เปิดกระโปรงหนู”
           เด็กหญิงวนิดา  ลูกสาวร้านวัสดุก่อสร้างเข้ามาฟ้องครูนิโกรในช่วงพักเที่ยง  ทำให้ครูรู้ว่านฤพนธ์ชอบแกล้งเปิดกระโปรงวนิดาตั้งแต่ตอนอยู่ ป.1 ครั้งแรกขณะที่เด็กหญิงวนิดากำลังเล่นกระโดดยาง เด็กชายนฤพนธ์วิ่งเข้าไปจับชายกระโปรงของเธอดึงขึ้น หนีหัวเราะชอบใจ จากนั้นถ้ามีโอกาสก็จะแกล้งเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่วนิดาลบกระดานดำหรือเดินขึ้นบันได สร้างความน่ารำคาญเป็นยิ่งนัก จนเมื่อเธอฟ้องครูประจำชั้น และนฤพนธ์ถูกทำโทษจึงหยุดแกล้ง แต่เมื่อขึ้น ป.2 ใช้ไม้บรรทัดตีมือหลายที จึงเลิกพฤติกรรมนี้ชั่วคราวตอนนี้อยู่ชั้น ป.3 เขากลับมาแกล้งอีกแล้ว
            “ผู้ชายคือสุภาพบุรุษ  เขาไม่รังแกผู้หญิงกันหรอกนะ  เธอเป็นผู้ชายหรือเปล่า”
            “บางทีก็เป็น  บางทีก็ไม่เป็นครับ”     
            “อ้าวฉิบหาย มันอยากเป็นกะเทยหรือเปล่า” คำตอบของนฤพนธ์ทำให้ครูนิโกรอดคิดไม่ได้ จึงย้ำคำพูดแบบหนักแน่น
            “นฤพนธ์  เธอเป็นผู้ชาย  และเป็นสุภาพบุรุษ  เมื่อใครทำดีกับเรา  ต้องรู้จักตอบแทน  เมื่อเราทำไม่ดีกับใครต้องรู้จักขอโทษ”
            “แล้วถ้าใครทำไม่ดีกับเราล่ะครับ”
            “ต้องรู้จักให้อภัย”
            “วนิดา  เธอไปบอกพี่ชายจะให้มาต่อยผมต้องทำยังไงดีครับ” ครูนิโกรนิ่งคิด 
ก่อนตอบ
            “เธอไปขอโทษวนิดาก่อนส่วนอะไรจะเกิด ค่อยว่ากัน”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น